The way to art "เส้นทางสู่ศิลปะ"

The way to art "เส้นทางสู่ศิลปะ"
นิทรรศการศิลปะร่วมสมัย "The way to Art" เส้นทางสู่ศิลปะ โดย นักศึกษาปริญญาโท สาขาจิตรกรรม คณะจิตรกรรมประติมากรรม และภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร เป็นนิทรรศการที่จัดแสดงขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อเป็นการแสดงความรู้ความสามารถทางการศึกษาหลังจากที่ได้เข้ามาศึกษาในระดับศิลปมหาบัณฑิต และในปี 2553 นี้ ภาควิชาได้คัดเลือกนักศึกษา 10 คน ได้แก่ นักรบ กระปุกทอง , รณชัย กิติศักดิ์สิน , เกรียงไกร กุลพันธ์ , สุเมธ พัดเอี่ยม , สุนทรี เฉลียวพงษ์ , พีรนันท์ จันทมาศ , วรรณพล แสนคำ , ศุภวัฒน์ วัฒนภิโกวิท , พิเชษฐ บุรพธานินทร์และวัลลภัคร แข่งเพ็ญแข อันมีผลงานการสร้างสรรค์ที่สะท้อนให้เห็นถึงทัศนคติที่มีต่อตนเองและสภาพสังคมในปัจจุบัน ปัญญาแห่งการเรียนรู้ และเป็นการเผยแพร่ผลงานที่มีคุณค่าออกสู่สายตาสาธารณะชน

THE WAY TO ART

นิทรรศการเส้นทางสู่ศิลปะ The way to art มีกำหนดการแสดงผลงาน ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ชั้น 4 ห้อง Stodio ในวันพฤหัสที่ 21 เมษายน ถึง วันศุกร์ที่ 6 พฤษภาคม 2554

วันพุธที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2554

ผลสะท้อนทางความรู้สึกและอารมณ์

ผลสะท้อนทางความรู้สึกและอารมณ์

วัลลภัคร เป็นศิลปินหญิงชาวอุดรธานี จบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ก่อนที่จะเดินทางเข้ามาศึกษาต่อระดับปริญญาโทที่คณะจิตรกรรมประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร วัลลภัครให้ความสนใจในการสร้างสรรค์งานจิตรกรรม สะท้อนอารมณ์ความรู้สึกของศิลปินที่มีต่อสภาพสังคมรอบตัว และการใช้ชีวิตดิ้นรนต่อสู้ ท่ามกลางความบีบคั้นของสังคมปัจจุบัน ในผลงานชุดก่อนๆ ศิลปินใช้รูปลักษณ์ของสุนัขจรจัดที่พบเห็นเร่ร่อนตามซอกมุมของอาคารบ้านเรือนและถนนหนทางทั่วไป แสดงออกด้วยฝีแปรงที่รุนแรงฉับพลัน และโทนสีที่มืดมน แต่ในผลงานชุดล่าสุด ศิลปินปรับเปลี่ยนหัวข้อมานำเสนอเรื่องราวของมนุษย์ เพื่อถ่ายทอดความรู้สึกและแนวความคิดที่ชัดเจน ลึกซึ้ง และใกล้ตัวมากขึ้น ภาพของเด็กที่กำลังหลับตา สีหน้านิ่งๆ เฉยเมยแต่แฝงไว้ด้วยความเศร้าหมอง ผิวหนังขรุขระกระดำกระด่าง ร่างกายแขนขาที่ดูคดงอ พิกลพิการ พื้นหลังและบรรยากาศที่ดูว่างเปล่า มีเพียงเฟอร์นิเจอร์ โต๊ะ เก้าอี้ ตัวเล็กๆ ข้าวของเครื่องใช้ วางล้มระเนระนาด กระจัดกระจายอยู่ทั่วไป เปรียบเสมือนโลกแห่งความฝันและมุมมองที่บิดเบี้ยว บกพร่อง เป็นสัญลักษณ์แห่งสภาพชีวิตของการถูกทอดทิ้ง ความเหงา เปล่าเปลี่ยวเดียวดาย

“ผลสะท้อนทางความรู้สึกและอารมณ์” บอกเล่ามุมมองของศิลปินที่มีต่อปัญหาของสังคมซึ่งส่งผลกระทบต่อเด็ก แต่แทนที่จะหยิบยกเอาประเด็นปัญหาที่มีอยู่เยอะแยะมากมายมาแสดงออก ศิลปินเลือกที่จะใช้ภาษาทางจิตรกรรม เส้น สี พื้นผิว และผืนผ้าใบ “สะท้อน” ความรู้สึกภายในของเด็กออกมา ผลงานของวัลลภัครใช้การสร้างภาพที่ขัดแย้งกับความเคยชินของผู้ดูในการนำเสนอเรื่องราว ภาพของเด็กที่ถูกขยายจนใหญ่โต ร่างกายบางส่วนถูกบีบอัด บิดเบี้ยว ดูไม่สมประกอบ ขับเน้นลักษณะของพื้นหนังที่ขรุขระ กระดำกระด่าง ขัดแย้งกับผิวหนังนุ่มนิ่มของเด็กปกติ ถึงแม้จะหลับตาและกำลังอยู่ในห้วงแห่งความฝัน แต่ด้วยฝีแปรงประกอบกับโทนสีที่หม่นหมอง แสดงบรรยากาศที่ล่องลอย แต่แฝงไว้ด้วยความเศร้า หดหู่ ศิลปินไม่ได้สร้างสรรค์งานศิลปะอย่างคนภายนอกที่มองเห็นปัญหา แต่เอาตัวเองเข้าไปแทน “ภายใน” จิตใจของผู้ถูกกระทำ คือ เด็กที่ถูกทอดทิ้ง กำพร้า เร่ร่อน ขาดการดูแลเอาใจใส่จากครอบครัว เหมือนกับว่าตัวศิลปิน เด็กที่ถูกอ้างถึง และผลงานจิตรกรรม หลอมรวมเป็นสิ่งเดียวกัน และกำลังกระซิบบอกกับโลกภายนอกถึงสภาพความน่าสงสาร น่าเห็นอกเห็นใจ ซึ่งเกิดขึ้นจริงในปัจจุบัน เป็นปัญหาสะสมคั่งค้าง เพราะคนทั่วไปเลือกที่จะไม่รับรู้ ไม่เผชิญหน้า ปล่อยปละละเลย

ศิลปินใช้ความว่างเปล่า บรรยากาศที่นิ่งและเงียบในการตั้งคำถามกับสังคม ใช้ความไม่มีอะไรของพื้นที่ว่างในการปลดปล่อยจินตนาการของผู้ดู เรื่องราวและปัญหาทางสังคมถูกเติมเต็มด้วยประสบการณ์และมุมมองอันแตกต่างกันของผู้ดูแต่ละคน พื้นหลังของผลงานมีส่วนสำคัญเป็นอย่างมากในผลงานของวัลลภัคร เฟอร์นิเจอร์ โต๊ะ เก้าอี้ที่ล่องลอยอยู่ในบรรยากาศอันว่างเปล่า หดหู่ ถูกนำมาวางเรียงราย และดัดแปลงรูปทรงให้ดูคล้ายกับสิ่งมีชีวิตที่กำลังขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว เป็นตัวแทนของห้วงความคิดภายใน โลกสมมติ จินตนาการส่วนตัวของเด็กเหล่านี้ ผลงานจิตรกรรมโดยวัลลภัครนำเสนอความงามอันเกิดจากความไม่สมบูรณ์ของรูปลักษณ์ภายนอก สีสัน รูปทรง และองค์ประกอบ ที่สะท้อนคุณค่าทางความรู้สึก และแนวความคิดที่ลึกซึ้ง สะเทือนอารมณ์

Text : วิชญ มุกดามณี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น