ภาวะแห่งจิตปรารถนา

ธรรมชาติมีปฏิสัมพันธ์กันกับมนุษย์อย่างแยกไม่ออก ในขณะที่ชีวิตต้องดำเนินไปตาม กฎเกณฑ์ ของธรรมชาติ สิ่งที่มนุษย์ต้องสัมผัสอยู่ตลอดเวลา คือ กิเลส ที่คอยมาเย้ายวน อารมณ์ให้เกิดปัญหาต่างๆตามมา ธรรมชาติได้ออกแบบให้ทุกๆสรรพชีวิตให้เกิดแรงขับ ในการดำรงชีพและสืบพันธ์ สิ่งที่ติดมากับความงามด้านกายภาพนั้น มักจะแฝงความรู้สึกควบคู่กันกับ “สัญญะ” นั้นๆ เช่น ความสวยงามเอาไว้ดึงดูด หรือความน่าเกลียดน่ากลัวเอาไว้ป้องกันตนเอง
ที่กล่าวมาเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างสรรค์ผลงานจิตรกรรม ที่ใช้รูปทรง รูปร่าง ลักษณะบางประการในธรรมชาติมาหยิบจับผสมผสานกับความคิดและมุมมองที่ลึกซึ้ง ทำให้เกิดการรับรู้ใหม่ เป็นความหมายในเชิงสัญลักษณ์ เปรียบเทียบ ที่สะท้อนให้เห็นถึงสัจธรรมในอีกแง่มุมหนึ่ง ที่เรามองข้าม โดย สุเมธ พัดเอี่ยม กับผลงานชุด ภาวะแห่งจิตปรารถนา

สุเมธได้นำเอาความงามและความไม่งามทางด้านกายภาพ โดยอาศัยข้อมูลจากธรรมชาติมาบวกกับความรู้สึกภายใน เพื่อให้เกิดรูปทรงใหม่และแฝงนัยยะทางเพศ ทำให้เห็นถึงการพรางตัว การล่อเหยื่อให้ติดกับดัก เพราะรูปลักษณ์ภายนอก เป็นผัสสะแรกที่เป็นตัวล่อความอยากของกิเลสทุกชนิด ซึ่งตัวศิลปินเองมีความสะเทือนใจและมีทัศนะคติต่อเรื่องเหล่านี้ จึงได้หยิบยกมาเป็นประเด็นในการสร้างสรรค์งาน เพราะต้องการสะท้อนให้ผูคนได้พึงระลึกนึกถึงสัจธรรมอะไรบางอย่างในหลักธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนา ว่าด้วยเรื่องของ กิเลส ตัณหา ราคะ ที่มองแต่รูปลักษณ์ภายนอก โดยมิได้แสวงหาแก่นสารสาระในเบื้องลึกของจิตใจ จนเกิด โมหะ (ความหลง) โมหะนั้นเป็นปัจจัยแรกเริ่มที่ทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมาจากการเห็นผิดเป็นชอบ ขาดการนึกคิดหรือไตร่ตรองดูอารมณ์ที่เข้ามาปะทะกับ จิต ในทางตรงกันข้ามกลับปลดปล่อยความรู้สึกที่แฝงมากับอารมณ์ปรารถนาให้อ่อนไหวไปกับกิเลส จนเพิ่มเป็น เวทนา ตัณหา อุปปาทาน เป็นผลสะท้อนกลับมายังความทุกข์ของตัวเราเอง
"ภายใต้กฎเกณฑ์ของธรรมชาติที่อาศัยสองสิ่งที่เป็นตัวผลักดันคือ การดำรงอยู่และสืบพันธ์ สองสิ่งนี้เป็นเหตุให้จิตวิญญาณอันบริสุทธิ์ต้องเดินทางโดยเปรียบเสมือนวงล้อที่ไม่มีจุดสิ้นสุด ธรรมชาติเองก็ได้สร้างสรรค์สิ่งสวยงามไว้มากมายแต่ทุกสิ่งล้วนแต่เป็นเพียงมายาคติที่ลวงหลอกให้เราติดกับดักทางอารมณ์ความรู้สึกจนตกเป็นทาสของกิเลส"
"การป้องกันตัว(การดำรงอยู่)และสืบพันธ์ของสิ่งมีชีวิตทุกชนิดต้องอาศัยอายตนะ (ช่องทางการรับรู้) โดยเล่นกับกิเลส ปรุงแต่งให้เกิดมายาภาพลวงและถูกทำให้เชื่อว่า ภาวะนั้นมีอยู่จริง เกิดความหลงเป็นเหตุให้ จิต ของผู้ที่อ่อนแอได้ปลดปล่อยตัวเอง ปล่อยให้สัญชาตญาณมาอยู่เหนือปัญญาญาณการรู้คิด ให้หลงไปกับกิเลสมายาภาพซึ่งทำให้จิตยึดเกาะไว้อย่างแน่นหนา หากไม่มีภาวะกิเลสชนิดต่างๆมาปรุงแต่งแล้ว เราจะไม่เกิดทุกข์แต่จะเกิด “ความว่าง”ความว่างนี้หมายถึงความไม่แน่นอนและไม่ถาวรของรูป เพราะรูปคือ “มายา” เมื่อใดที่จิตไม่ปรุงแต่งไปกับ กิเลส และ รูป มายาคติเหล่านั้นก็จะหายไป"...สุเมธ


*หมายเหตุ ชื่องาน ขนาด เทคนิค จะตามลงให้ในภายหลัง*
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น