ปัจจุบันมนุษย์ถูกรุกรานจากลัทธิที่เร่งให้บริโภค ถูกยัดเยียดด้วยเสียงต่างๆ โฆษณาภาพเคลื่อนไหว เสียงที่เร้าใจเพื่อที่จะทำให้เราหันไปดู ทุกอย่างล้วนแข่งขันตะโกนใส่หูไม่หยุดหย่อน ตอกย้ำว่าเราควรบริโภคสิ่งนั้นสิ่งนี้ ทำให้สมองกลวงเปล่าถูกปรนเปรอด้วยกิเลส จนไม่อาจมีพื้นที่คำนึงถึงความดีงามที่พึงมีต่อมนุษย์ด้วยกัน ดังนั้น “ความเงียบ” จึงเป็นทางเลือกหนึ่ง ที่เราสามารถสัมผัสกับมันได้ เป็นบางสิ่งบางอย่างที่ให้ความสงบ เป็นที่พักใจ นำเราไปสัมผัสกับสิ่งลึกซึ้งด้านใน ซึ่งเลื่อนไหลไม่ทันสังเกตกับความวุ่นวายในชีวิตประจำวัน เป็นแหล่งแห่งความสุข แรงบันดาลใจ ปลุกเราให้อยู่กับปัจจุบันขณะ ซึ่งเราสามารถสัมผัสกับสิ่งเหล่านี้ได้ด้วยจิตที่เป็นอิสระจากการคาดคะเนล่วงหน้า และนำไปสู่ความกระจ่างในจิตใจ
หากแต่ในความเป็นจริง ร่างกายและจิตใจของเราไม่เคยหยุดนิ่ง อยากจะทำสิ่งใหม่ๆ ที่ดีกว่าอยู่ตลอดเวลา วันเวลาของเรามักจะมีเรื่องเข้ามารบกวน ทั้งความวิตกกังวล เสียใจ กับสิ่งที่ผ่านไปแล้ว และหวั่นกลัวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น การวุ่นวายอยู่กับงานกระจุกกระจิกกับความทรงจำที่แวบเข้ามาอย่างไม่นึกฝัน หรือคิดแต่ว่าเราจะต้องทำอะไร กายและใจของเราจึงกลายเป็นพื้นที่ ที่เต็มไปด้วยความคิด และสัณชาตญาณ

แนวความคิด ดังกล่าวเป็นที่มาของการสร้างสรรค์ผลงานสื่อวัสดุผสมชุด Spiritual Signs สัญญะแห่งจิต โดย สุนทรี เฉลียวพงษ์ ศิลปินหญิงหนึ่งเดียวของนิทรรศการนี้ สุนทรีได้ให้ทัศนะในส่วนของขั้นตอนการสร้างสรรค์ผลงานว่า ผืนผ้ากับความงามและคุณค่าในกระบวนการการสร้างสรรค์ เกิดจากการสังเกตบวกกับจินตนาการ นอกจากนี้ขบวนการ การทำงานยังเป็นการถักทอคติความเชื่อและคำสอนไว้ด้วยกัน
โดยตัวศิลปินมองว่าเทคนิค วิธีการนี้ สามารถถ่ายทอดเรื่องราวของชีวิต ตัวตนของเรา เพื่อที่จะทำความเข้าใจต่อตนเอง "แบบแผนการใช้ผืนผ้าที่เชื่อมโยงชีวิตเข้ากับผืนผ้า สิ่งนี้คือที่มาของเรื่องราวในผ้าทอและตัวศิลปิน ผ้าที่ใช้ในชีวิตประจำวันจากเช้าจรดค่ำ ไปจนถึงผ้าที่ใช้ในพิธีกรรม อาจทอจากผู้หญิงเพียงหนึ่งคน ในหนึ่งช่วงชีวิต หากลองสังเกตแล้วเราจะเห็นวิถีชีวิต ความคิด และการจัดระเบียบของสังคม บางผืนหากมองลึกเข้าไป เราอาจเห็นได้ถึงความเปลี่ยนแปลง" ซึ่งตัวศิลปินเองนั้นมุ่งหมายที่จะแสดงความงาม ความจริงของวัสดุและกระบวนการ
จากความจริงที่ว่า"ผืนผ้า กับความงาม และคุณค่าในกระบวนการการสร้างสรรค์ ที่เกิดจากการสังเกตบวกกับจินตนาการ รวมทั้งการถักทอคติความเชื่อ และคำสอน สามารถถ่ายทอดเรื่องราวของชีวิต ตัวตนของเรา และเพื่อที่จะทำความเข้าใจต่อตัวเรา" และจากคำกล่าว ของ
- HONORE DE BALZAC- One’s wardrobe reveals one’s politics; it is the story one live by; it is one’s symbolic self. เป็นสิ่งสนับสนุนการแสดงออกในการสร้างสรรค์ผลงานของสุนทรี รองรับอารมณ์ในสิ่งที่ควบคุมได้-ไม่ได้ การจัดการได้-ไม่ได้ทางกายภาพ

untitled
ทั้งนี้ ส่วนสอดแทรกเรื่องราว เนื้อหา สุนทรีได้ดึงเอาประเด็นทาง Textiles การแสดงออกทางนัย ด้วยสัญลักษณ์ หรือเครื่องหมาย ที่แสดงความสัมพันธ์เชื่อมโยงกันระหว่างผืนผ้ากับความงาม และคุณค่าในกระบวนการการสร้างสรรค์ คติ ความเชื่อและคำสอนแบบคนโบราณ ของคนทอผ้าพื้นเมืองมาเป็นนัยยะหนึ่งของผลงานด้วย
ศิลปินได้ให้ความสำคัญในประเด็นทางความคิดว่า เป็นข้อมูลส่วนหลักที่จะต้องนำเอาข้อมูลที่หลากหลายมาสรุปเข้าหากัน เพื่อที่จะสร้างทฤษฎีระบบหรือแนวความคิดให้ตรงตามความมุ่งหมาย เช่น ข้อมูลจากทฤษฎีระบบของ Textiles มารวมเข้ากับหลักการทางทัศนศิลป์ ที่ว่าด้วยเรื่องของความเงียบในงานจิตรกรรม เป็นต้น
untitled.2
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น